วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2550

ยูโดเบื้องต้น



ความรู้พื้นฐานของกีฬายูโด
ยูโดเป็นกีฬาหลักประเภทบุคคลประเภทหนึ่ง ที่ถือว่าเป็นกีฬาสากลอยู่ในขณะนี้ โดยมีหลักการและวัตถุประสงค์คือ มุ่งบริหารร่างกายและจิตใจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้แรงให้น้อยที่สุด เพื่อสวัสดิภาพและประโยชน์สุขร่วมกัน การฝึกยูโดต้องมีการฝึกการต่อสู้และป้องกันตัว ก็เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกได้ออกแรง ซึ่งเป็นหนทางก่อให้เกิดสมรรถภาพทางกายตามอุดมคติของท่านจิโกโร คาโน (Jigoro kano) ผู้ให้กำเนิดกีฬาประเภทนี้ว่า "Maximum Efficiency with minimum Effort and Mutual Welfare and Benifit"

กล่าวคือยูโดใช้วิธีการโอนอ่อนผ่อนตาม หรือที่เรียกว่า "ทางแห่งความสุภาพ" "Gentleness or soft way" ทำให้ได้เปรียบแก่ผู้ที่มีกำลังมากกว่าเป็นวิธีการที่ทำให้คนตัวเล็กกว่าน้ำหนักน้อยกว่าและกำลังด้อยกว่า อาจต่อสู้กับผู้ที่อยู่ในลักษณะเหนือกว่าด้วยประการทั้งปวงดังกล่าวได้ และด้วยเหตุนี้เองจึงนำเอาคำว่า "ยู Ju" ซึ่งหมายถึงการโอนอ่อนหรือให้ทางแห่งความสุภาพนำหน้าชื่อนี้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนผู้ให้เรียนหรือผู้เข้ารับการฝึกได้ระลึกอยู่เสมอ

ประโยชน์ที่ได้รับ
ยูโดเป็นวิชาที่ช่วยในการบริหารกายทุกส่วนอย่างแท้จริง ทำให้ร่างกายมีสัดส่วนเหมาะสม ทำให้ร่างกายมีความโอนอ่อนผ่อนตามสถานการณ์ต่างๆได้ ให้รู้จักควบคุมตนเอง ให้มีการทรงตัวที่มั่นคง และทำให้เกิดความผ่อนคลายแก่ร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดสมาธิ นอกจากนั้นยังเป็นเกมกีฬาการต่อสู้ที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดความกล้าหาญ อดทนให้สูงขึ้น ให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง ช่วยเพิ่มพูนความมานะบากบั่นและความคิดในการตัดสินใจ ตลอดจนการติดต่อกับบุคคลอื่นด้วย ดังนั้นการเล่นและการฝึกยูโดจึงถือเป็นการฝึกด้านจิตใจให้เข้มแข็ง ทรหดอดทนยิ่งขึ้นด้วย

เทคนิคของยูโด (Judo Techniques)
เทคนิคของยูโดอาจแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ได้ดังนี้


นาเงวาซา (Nagewaza)
เป็นเทคนิคเกี่ยวกับการทุ่ม (Throwing) มีท่าทุ่มที่เป็นพื้นฐานอยู่ 12 ท่า และแย่งออกเป็นประเภทตามส่วนของร่างกายที่ใช้ทุ่มนั้นๆซึ่งได้แก่การทุ่มด้วยมือ การทุ่มด้วยสะโพก การปัดขา การทุ่มด้วยไหล่ การทุ่มด้วยสีข้างและหลัง


กาต้าเมวาซา (Katamawaza)
เป็นเทคนิคเกี่ยวกับการกอดรัดเพื่อให้หายใจไม่ออกและการจับยืด (Chocking and Holding) เป็นเทคนิคที่ใช้ขณะอยู่กับพื้นเบาะ (tatami) เพื่อให้คู่ต้อสู้ยอมจำนน


อาเตมิวาซา (Atemiwaza)
เป็นเทคนิคเกี่ยวกับการชกต่อย ทุบตี ถีบถอง (Striking) ส่วนต่างๆของร่างกายให้เกิดการบาดเจ็บ พิการ หรือถึงแก่ชีวิต ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวเท่านั้น และไม่เคยจัดการแข่งขัน

ระดับความสามารถมาตรฐานของนักยูโด
ระดับความสามารถมาตรฐานของนักยูโดทั้งสองเพศ (ชาย-หญิง) ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยมีสีของสายคาดเอวเป็นเครื่องหมาย ระดับความสามารถมาตรฐานดังกล่าวแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับใหญ่คือ


ระดับกียู (Kyu) คือระดับที่อาจเรียกว่า "นักเรียน" และ
ระดับดาน (Dan) คือระดับที่เรียกว่า "ผู้นำ" เป็นผู้ซึ่งมีความสามารถสูง ทั้งระดับนักเรียนและระดับผู้นำนี้ยังแบ่งออกเป็นระดับย่อยๆลงอีก โดยมีสีประจำแต่ละระดับไว้ซึ่งแต่ละประเทศกำหนดไม่เหมือนกัน
สำหรับประเทศไทยกำหนดไว้ดังนี้
รองสายดำ ชั้น 5 สาดคาดเอวสีขาว
รองสายดำ ชั้น 4 สายคาดเอวสีเขียว
รองสายดำ ชั้น 3 สาดคาดเอวสีฟ้า
รองสายดำ ชั้น 2 สายคาดเอวสีน้ำตาล
รองสายดำ ชั้น 1 สาดคาดเอวสน้ำตาลปลายดำ
สายดำ ชั้น 1 สายคาดเอวสีดำ
สายดำ ชั้น 2 สายคาดเอวสีดำ
สายดำ ชั้น 3 สายคาดเอวสีดำ
สายดำ ชั้น 4 สายคาดเอวสีดำ
สายดำ ชั้น 5 สายคาดเอวสีดำ
สายดำ ชั้น 6 สายคาดเอวสขาวสลับแดง
สายดำ ชั้น 7 สายคาดเอวสีขาวสลับแดง
สายดำ ชั้น 8 สายคาดเอวสีขาวสลับแดง
สายดำ ชั้น 9 สายคาดเอวสีแดง
สายดำ ชั้น 10 สายคาดเอวสีแดง


เครื่องแต่งกาย (Judogi) เครื่องแต่งกายในการฝึกยูโดต้องสวมชุดโดยเฉพาะที่เรียกว่า Judoji ซึ่งมีพื้นฐานมาจากประเพณีนิยมเกี่ยวกับการแต่งกายของชาวญี่ปุ่นมีลักษณะดังนี้


เสื้อ
คล้ายเสื้อกิโมโน ถักด้วยด้ายดิบสีขาวหนาแข็งแรงทนทาน แต่อ่อนนิ่มไม่ลื่นมือ สามารถซักได้และใช้ได้นาน ส่วนแขนและลำตัวกว้างหลวม ตัวยาวคลุมก้น แขนยาวประมาณครึ่งแขนท่อนล่างเสื้อยูโดที่ดีต้องมีลักษณะเบาบางแต่แข็งแรง การเบาบางจะช่วยให้การระบายความร้อนในร่างกายดีขึ้น ประเทศญี่ปุ่นนับว่าเป็นประเทศผู้ผลิตเสื้อยูโดที่ดีที่สุดในโลก
กางเกง
มีลักษณะคล้ายกางเกงจีนเป็นผ้าดิบเช่นกัน ที่เอวมีร้อยเชือกรัดเอว กางเกงต้องหลวมพอสบายยาวประมาณครึ่งขาท่อนล่าง
สายคาดเอว
เป็นผ้าเย็บซ้อนกันหนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2 นิ้ว ยาวให้คาดเอวได้ 2 รอบ เหลือชายไว้ผูกเงื่อนพิรอด (Reef Knot) แล้วเหลือชายข้างละ 15 เซนติเมตร สำหรับสายคาดเอวนี้เป็นเครื่องแสดงระดับความสามารถมาตรฐานของนักยูโดด้วย
การฝึกยูโดต้องฝึกด้วยเท้าเปล่า ฉะนั้นเรื่องเล็บเท้าตลอดจนเล็บมือต้องตัดให้สั้น และสะอาดอยู่เสมอ เครื่องประดับเช่น นาฬิการ แหวน สร้อย กิ๊บติดผม ฯลฯ จะต้องเอาออกเพราะสิ่งเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ นักยูโดที่ดีต้องหมั่นทำความสะอาดชุดยูโด มือและเท้าให้สะอาดอยู่เสมอ อย่าให้มีกลิ่นเหม็นเพราะจะทำให้เบาะยูโดสกปรกและมีกลิ่นเหม็นไปด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: